Published December 20, 2023

Ladies and gentlemen, welcome onboard Flight XXX with service from Thailand to Zurich Switzerland…

ก่อนที่เราจะได้ยินเสียงประกาศของสายการบินที่จะพาเราเดินทางไปสู่การเรียนต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้น ก้าวแรกที่สำคัญคือการขอวีซ่าค่ะ ไม่งั้นเราก็เข้าประเทศเขาไม่ได้นะเออ เอาล่ะเชื่อว่าหลายๆคนต้องกังวลกับการขอวีซ่าเหมือนเราแน่ๆ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การขอวีซ่าให้ฟัง(technically you’re reading tho 😅) คีย์สำคัญคือการเตรียมเอกสารไปให้พร้อมค่ะ เพราะว่าเอกสารเยอะมากกก มีหลายรายการ และแต่ละรายการจะต้องทำสำเนาอีก 2 ชุด! เรียกได้ว่านี่คือขั้นตอนที่วุ่นวายที่สุดแล้วค่ะ

การนัดหมายเข้าไปยื่นคำร้องขอวีซ่า

ก่อนจะไปเตรียมเอกสารกันนั้น มาทำการนัดหมายกับสถานฑูตก่อนค่ะ ในการยื่นคำร้องขอวีซ่าหรือนัดหมายเข้าไปทำวีซ่านักเรียน จะทำการนัดหมายผ่านทางสถานฑูตโดยตรงผ่าน online platform ลิก (ข้อมูลเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2021) โดยสถานฑูตจะเปิดให้ยื่นคำร้องขอวีซ่าวันจันทร์ – ศุกร์ ภายในเวลา 9.00-11.30 น. (ถ้าข้อมูลเก่าจะบอกให้ book ผ่าน VFS นะคะ คือเราไม่แน่ใจว่าเพราะเราทำช่วงโควิดด้วยมั้ย ซึ่งตอนนั้น VFS ปิด เลยสามารถ book กับสถานฑูตโดยตรงได้เลย แนะนำให้โทรหรืออีเมลไปสอบถามสถานฑูตก่อนได้ค่ะ bangkok.visa@eda.admin.ch )

รายการเอกสารที่ต้องเตรียม

  1. Three visa application forms (“Application for a long stay visa D”) กรอกข้อมูลและลงลายมือชื่อและวันที่ *ทั้ง 3 ฉบับ* โหลดแบบฟอร์ม ที่นี่
  2. Four passport-sized pictures รูปถ่ายแบบหนังสือเดินทาง(passport-size pictures) ภาพสี ขนาดกว้าง 3.5 x 4.5 cm พื้นหลังสีขาว (natural light background) ภาพถ่ายหน้าตรง ภาพใบหน้าคิดเป็น 70-80% ของรูป ถ่ายภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน จำนวน 4 ใบ *แปะรูปไปในแบบฟอร์มขอวีซ่าแต่ละฉบับเลยนะคะ
  3. Passport หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลืออย่างน้อย 3 เดือนหลังจากวันที่เดินทางเข้าในเขตเชงเก้น และมีหน้าว่างอย่างน้อย 2 หน้า
  4. Two photocopies of the passport สำเนาหนังสือเดินทาง 2 ฉบับ โดยมีหน้าแรกที่มีข้อมูลบุคคล หน้าที่มีบันทึกการเดินทาง และหน้าที่มีตราประทับวีซ่าเชงเก้นที่เคยได้รับ
  5. Registration confirmation เอกสารยืนยันการลงทะเบียน (Registration Confirmation) และ/หรือ Invitation letters จากมหาวิทยาลัยทั้งเอกสารฉบับจริงและสำเนา 2 ฉบับ
  6. Payment confirmation หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมการศึกษา เอกสารฉบับจริงและสำเนา 2 ฉบับ (สำหรับกรณีที่ทางมหาวิทยาลัยจะให้เราไปจ่ายค่าเทอมเมื่อไปถึงที่สวิสแล้ว เราก็เขียนเป็นจดหมายชี้แจงไปแทนพร้อมแนบหลักฐานประกอบด้วย เช่นกรณีเราคือแนบจดหมายชี้แจงรายละเอียดการจ่ายค่าเทอมที่ทางมหาวิทยาลัยส่งมาให้ค่ะ)
  7. Proof of sufficient funds หลักฐานการมีทุนทรัพย์ที่เพียงพอตลอดระยะเวลาที่คาดว่าจะพำนักในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เช่น Bank Statements และ Bank Guarantee Letter ของผู้สมัคร และ/หรือสปอนเซอร์พร้อมจดหมายการสนับสนุน (Letter of Sponsorship or Guarantee) เอกสารฉบับจริงและสำเนา 2 ฉบับ โดยที่หากมีสปอนเซอร์สนับสนุนในการเรียนต่อก็จะต้องแสดงเอกสารส่วนตัวและเอกสารการทำงานของสปอนเซอร์เพิ่มด้วย สำหรับกรณีที่ได้ทุนมาเรียน เราก็แนบหลักฐานการได้รับทุนไปค่ะ
  8. Diploma เกียรติบัตร/ปริญญาบัตร (Diploma) ยืนยันว่าผู้สมัครสำเร็จการศึกษาก่อนหน้า และประวัติส่วนตัวโดยย่อ (CV/Resume) เอกสารฉบับจริงและสำเนา 2 ฉบับ (กรณีของเราคือตอนไปยื่นเอกสาร จู่ๆเจ้าหน้าที่ก็เรียกขอดู Transcript เพิ่มด้วยค่ะ ซึ่งจริงๆไม่ได้มีในลิสต์เอกสารที่ต้องเตรียม แต่โชคดีที่พกไปเผื่อไว้ด้วย ก็เลยรอดค่ะ ไม่ต้องกลับมายื่นเอกสารใหม่อีกรอบ เลยอยากแนะนำให้เตรียมไปเผื่อกันไว้ก็ดีค่ะ ถ่ายสำเนาไปเผื่อไว้ด้วย เพราะกรณีเราตอนนั้นคือมีแต่ฉบับจริงแต่ว่าเราสามารถให้สำเนาแทนได้นะคะ)
  9. Written commitment จดหมายยืนยันการออกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์หลังเรียนจบ (Written Commitment) เอกสารฉบับจริงและสำเนา 2 ฉบับ ตัวอย่างการเขียน ที่นี่
  10. Letter of motivation จดหมายชี้แจงแรงจูงใจ (Letter of Motivation) ชี้แจงถึงเหตุผลในการเรียนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยยืนยันว่าหลักสูตรที่เรียนมีความสำคัญต่อการเรียนต่อหรือทำงานในประเทศที่ตนอาศัยอยู่ และแผนการในอนาคตหลังเรียนจบ เอกสารฉบับจริงและสำเนา 2 ฉบับ
  11. Birth certificate สูติบัตร สำหรับนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี โดยแสดงเอกสารฉบับจริงและสำเนา 3 ฉบับ และถ้าผู้เยาว์เดินทางโดยไม่มีผู้ปกครองตามกฎหมาย หนังสือมอบอำนาจผู้ปกครองหรือหนังสือแจ้งอำนาจในการปกครองผู้เยาว์ฉบับจริงที่ออกจากอำเภอ

นอกจากนี้สำหรับใครที่มีการเปลี่ยนชื่อแล้วมันกระทบกับเอกสารอื่นๆในลิสต์เช่น ชื่อปัจจุบันไม่ตรงกับชื่อในใบปริญญา เราก็ต้องแนบหลักฐานใบเปลี่ยนชื่อเพิ่มไปด้วยนะคะ ซึ่งเอกสารทุกอย่างที่ออกเป็นภาษาไทยจะต้องได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาทางการอื่นๆของสวิส (แนะนำแปลเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เพราะราคาถูกกว่าและใช้ได้เหมือนกัน) โดยจะต้องแปลผ่านบริษัทที่ผ่านการรับรองจากสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์เท่านั้นนะคะ ห้ามแปลเอง (โดยรายชื่อบริษัทที่สถานทูตรับรองสามารถเช็คได้ ที่นี่ )

นอกจากนี้ปัจจุบันเอกสารบางอย่าง(ดูรายละเอียดเอกสารแต่ละรายการได้ ที่นี่ )เราสามารถไปขอคัดสำเนาฉบับภาษาอังกฤษได้จากเขต/ที่ว่าการอำเภอที่ออกเอกสารนั้นให้เราโดยตรงได้เลยค่ะ ซึ่งค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าการเอาไปแปลที่บริษัทแปลเอกสารกว่ามากกกกก ถ้าจำไม่ผิด เราเสียฉบับละ 20 บาทเอง แต่ถ้าเอาไปแปลกับเอกชนคือฉบับละ 600-800 กรณีภาษาอังกฤษนะคะ ถ้าภาษาอื่นก็แพงขึ้นอีกค่ะ หลักพัน

จากนั้นให้นำเอกสารที่ผ่านการแปลเรียบร้อยแล้ว ไปขอประทับตรารับรองการแปลที่กงสุลอย่างเป็นทางการอีกทีนึงค่ะ ที่กองสัญชาติและนิติกรณ์ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ จากนั้นเราจึงจะสามารถนำเอกสารเหล่านั้นไปใช้ประกอบการยื่นพิจารณาขอวีซ่านักเรียนได้ (รายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการรับรองนิติกรณ์เอกสาร ที่นี่ ) ขั้นนี้ก็มีค่าใช้จ่ายด้วยค่ะ

ภายหลังเมื่อทำการยื่นเอกสารกับเจ้าหน้าที่แล้ว เอกสารฉบับจริงทั้งหมดสถานทูตจะคืนให้กับผู้สมัครทันทีหลังจากที่ตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้ว พอเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารครบหมดแล้ว พอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารเรียบร้อยแล้ว จะถึงคิวสัมภาษณ์ทักษะทางภาษาของเราค่ะ โดยเขาจะสัมภาษณ์เราด้วยภาษาอังกฤษหรือภาษาราชการสวิส(กรณีที่เราสามารถสื่อสารได้ค่ะ เขาจะถามเราก่อนเริ่มสัมภาษณ์ว่าพูดภาษาไหนได้บ้าง) คำถามก็ทั่วๆไปเลยค่ะ ให้แนะนำตัว ถามว่าเราจะไปทำอะไรที่สวิส เพราะอะไร ทำไมถึงเลือกสวิส จากนั้นก็เสร็จสิ้นกระบวนการขอวีซ่าค่ะ โดยการขอวีซ่านักเรียนจะไม่เสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ

Tricks

แนะนำให้เตรียมเอกสารไปเผื่อไว้ก่อนเยอะๆค่ะ อะไรนอกเหนือจากลิสต์แต่คิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์ ใช้ประกอบเอกสาร ในลิสต์ได้ก็พกไปไว้ก่อน เผื่อเจ้าหน้าที่เรียกถาม เราจะได้มีให้เลย ไม่ต้องเสียเวลาหลายรอบค่ะ เช่น สังเกตว่าในลิสต์เอกสารจะไม่มีเอกสารเกี่ยวกับที่พักของเราที่สวิสนะคะ แต่มันจะมีให้เรากรอกที่อยู่ของเราที่อาจจะไปพักที่สวิสด้วย (Propable address in Switzerland) เลยแนะนำว่าถ้าใครได้ที่พักเรียบร้อยแล้ว มีเอกสารการจองหอพัก rental contract ก็พกไปเผื่อไว้ด้วยก็ได้ค่ะ แต่เราไม่โดนเรียกขอดูนะ แต่อย่าง Transcript ที่เราบังเอิญพกไปเผื่อ ละเจ้าหน้าที่ขอเพิ่มพอดี อันนี้ก็โชคดีไปค่ะ

การติดตามผลวีซ่า

วีซ่าประเภทนี้จะใช้เวลาในการอนุมัติวีซ่านานหลายเดือน โดยเขตรัฐสวิตเซอร์แลนด์(Cantons)เป็นผู้พิจารณาเอกสารทั้งหมด ทางสถานทูตไม่ทราบระยะเวลาที่แน่นอนและไม่ใช่ผู้มีอำนาจในการตัดสินอนุมัติวีซ่าระยะยาวนี้ ทางสถานทูตเป็นเพียงตัวกลางในการจัดส่งเอกสารไปยังเขตรัฐ Cantons ที่นักเรียนจะไปศึกษาอยู่เท่านั้น โดยเอกสารจะไม่มีการส่งไปยังมหาวิทยาลัยหรือสถาบันศึกษา

การติดตามผลวีซ่านักเรียน เราจะได้รับอีเมลจากทาง Cantons แจ้งหมายเลขเซมิค(ZEMIS) เพื่อนำมามายื่นรับวีซ่า หรือสามารถสอบถามผลกับทางสถานฑูตได้ทางอีเมล bangkok.visa@eda.admin.ch (ภาษาอังกฤษหรือภาษาราชการสวิส) หลังจากยื่นเรื่องดำเนินการมาได้ประมาณ 2 เดือน

ขั้นตอนการไปรับวีซ่า ผู้ยื่นเรื่องไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเอง สามารถให้บุคคลอื่นนำหนังสือเดินทางเล่มจริงพร้อมใบอนุมัติออกวีซ่าจากเขตรัฐ หรือหมายเลขเซมิค(ZEMIS) หรืออีเมลยืนยันผลการอนุมัติวีซ่าจากทางสถานฑูต มายื่นรับวีซ่าได้ทุกวันทำการ จันทร์-ศุกร์ 9:00 – 11:30 น. ไม่ต้องทำการนัดหมายใดๆทั้งสิ้น การออกวีซ่าใช้เวลา 1 วันทำการไม่นับวันที่มาเช็คผลและไม่นับวันหยุดของทางสถานทูต

ปล. หากใครไม่สะดวกเดินทางเข้าไปยื่นด้วยตนเองหรือไม่มีบุคคลใดสามารถไปแทนได้ สามารถดำเนินการผ่านไปรษณีย์ได้ โดยส่งหนังสือเดินทาง,ใบอนุมัติออกวีซ่า, และซองจดหมายเปล่าที่จ่าหน้าซองที่อยู่ของเรา เพื่อที่ทางสถานฑูตจะทำการส่งหนังสือเดินทางที่ประทับวีซ่าแล้วคืนกลับมาให้ท่านตามที่อยู่ดังกล่าว (แนะนำให้อีเมลไปสอบถามกับทางสถานฑูตอีกครั้งก่อนดำเนินการ เนื่องจากข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ เพราะเราไม่แน่ใจว่าเนื่องด้วยเราดำเนินการในช่วงโควิดด้วยรึเปล่า ทางสถานฑูตเลยมีนโยบายประทับตราวีซ่าให้ผ่านการส่งเอกสารทางไปรษณีย์ได้ ซึ่งไม่คิดค่าธรรมเนียมดำเนินการด้วยค่ะ)

ทั้งนี้สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการนัดหมายยื่นคำร้องขอวีซ่าหรือรายละเอียดการประทับตราวีซ่าผ่านไปรษณีย์ แนะนำให้อีเมลไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่อีกทีค่ะ (bangkok.visa@eda.admin.ch) เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทางสถานฑูตอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ ข้อมูลที่เราเขียนรีวิว เป็นการดำเนินการขอวีซ่านักเรียนเมื่อปี 2020 ค่ะ

ข้อมูลวันเวลาทำการ และช่องทางการติดต่อกับทางสถานฑูตสามารถเข้าไปเช็คได้ ที่นี่

วีซ่าผ่านแล้ววววว

หลังจากที่วีซ่าผ่านแล้ว เราจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศสวิตเซอร์ภายใน 3 เดือนตามวันที่ระบุในวีซ่าค่ะ เมื่อเดินทางถึงสวิตเซอร์แลนด์แล้ว ก็จะต้องเตรียมดำเนินการขอ Residence Permit ให้ถูกต้องตามระเบียบของทางการสวิสต่อไป โดยจะต้องยื่นเอกสารขอ Residence Permit ภายใน 14 วันนับตั้งแต่วันที่เดินทางผไปถึง โดยไปติดต่อยื่นเอกสารดำเนินการที่ Citizen’s Registry Office(Einwohnerkontrolle) หรือ Office de la population ณ เมืองที่ศึกษาอยู่ (ปล. ข้อมูลเรื่องตัวเลขนี้จะแตกต่างกันขึ้นกับ Cantons ที่อยู่นะคะ เช่น Canton Vaud จะต้องยื่นภายใน 8 วัน, Cantons Zurich ต้องยื่นก่อนที่วีซ่าจะหมดอายุ)

ข้อควรระวัง

ห้ามใช้วีซ่าท่องเที่ยวเพื่อวัตถุประสงค์ในการศึกษาในภายหลังทุกกรณี เพราะวีซ่าท่องเที่ยวไม่สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นวีซ่านักเรียนและขอ Residence Permit การเจตนากระทำผิดจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองและถูกส่งกลับประเทศ

เว็บไซต์อ้างอิง (เข้าไปเช็คข้อมูลให้อัพเดทเป็นปัจจุบันด้วยนะคะ)

LATEST

BLOG

งาน Thai Festival ครั้งที่ 25 ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ภาพบรรยากาศพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล ณ สถานเอกอัครราชทูต​ไทยในกรุงเบิร์น
ม.ศิลปากร เปิดคอร์สเรียนออนไลน์ภาษาเยอรมันเบื้องต้นฟรี!
รวม 10 ทุนเรียนต่อต่างประเทศ
รับสมัครคณะกรรมการรุ่นที่ 13